ภาพรวมความเคลื่อนไหวของราคาทองคำ
แนวโน้มราคาทอง ในช่วงที่ผ่านมา ราคาทองคำปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำสถิติสูงสุดใหม่ (All-time high) ที่ระดับ 2,740 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ปัจจัยหลักที่สนับสนุนการปรับตัวขึ้นนี้มาจากความตึงเครียดในตะวันออกกลาง โดยเฉพาะความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส นอกจากนี้ ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่กำลังจะมาถึงในวันที่ 5 พฤศจิกายน 2024 ยังเป็นอีกปัจจัยที่กระตุ้นให้นักลงทุนหันมาถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย อย่างไรก็ตาม การแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่ปรับตัวสูงขึ้นได้สร้างแรงกดดันต่อราคาทองคำ โดยกองทุน SPDR ซึ่งเป็นกองทุนทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้เพิ่มการถือครองทองคำ 1.15 ตันในสัปดาห์ที่ผ่านมา
ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม
สัปดาห์นี้ สหรัฐฯ มีกำหนดการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญหลายรายการ ได้แก่:
- การจ้างงานภาคเอกชนทั่วประเทศเดือนตุลาคม โดย ADP ซึ่งจะสะท้อนถึงสภาพตลาดแรงงานในภาคเอกชน
- การจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นตัวชี้วัดสำคัญของสภาพเศรษฐกิจโดยรวม
- ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาสที่ 3 ประมาณการครั้งที่ 1 ซึ่งจะบ่งบอกถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ
- ดัชนีราคาการใช้จ่ายด้านการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐานเดือนกันยายน ซึ่งเป็นตัวชี้วัดสำคัญของอัตราเงินเฟ้อ
การเปิดเผยข้อมูลเหล่านี้อาจส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ เนื่องจากจะมีผลต่อการคาดการณ์นโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)
วิเคราะห์แนวโน้มราคาทองคำ
แม้ว่าราคาทองคำจะปรับตัวขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ แต่ยังคงมีความผันผวนสูง สัญญาณทางเทคนิคจาก MACD (Moving Average Convergence Divergence) แสดงถึงแนวโน้มขาขึ้น (Bullish MACD) อย่างไรก็ตาม ควรระมัดระวังแรงเทขายทำกำไรที่อาจเกิดขึ้นในระยะสั้น นักลงทุนควรติดตามสถานการณ์ในตะวันออกกลางและผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด เนื่องจากปัจจัยเหล่านี้อาจส่งผลกระทบต่อราคาทองคำในอนาคต