วิเคราะห์แนวโน้มราคาทองคำ 14 พฤศจิกายน 2567

แนวโน้มราคาทองคำ

ในช่วงที่ผ่านมา แนวโน้มราคาทองคำ มีความผันผวนสูง โดยระหว่างวันราคาทองปรับตัวขึ้นใกล้แนวต้านที่ 2,620 ดอลลาร์ แต่ไม่สามารถผ่านแนวต้านนี้ได้ ทำให้เกิดแรงเทขายจนราคาปิดที่จุดต่ำสุดของวัน ปัจจัยหลักที่กดดันราคาทองคำคือการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐที่พุ่งสูงสุดในรอบ 6 เดือน สาเหตุจากดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนตุลาคมที่ปรับตัวขึ้น 2.6% ตามที่ตลาดคาดการณ์ ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนมองว่ามีโอกาสสูงถึง 82.8% ที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในการประชุมเดือนธันวาคม เทียบกับความน่าจะเป็น 58.7% ก่อนหน้านี้

นอกจากนี้ กองทุน SPDR ซึ่งเป็นกองทุนทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้ขายทองคำออกไปอีก 2.01 ตัน ยิ่งกดดันราคาทองให้ปรับลดลงอีก

ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม

คืนนี้ สหรัฐอเมริกามีกำหนดเผยแพร่ข้อมูลสำคัญ 2 ตัว ได้แก่:

  1. ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนตุลาคม: ตลาดคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2% จากเดิมที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง (0.0%)
  2. จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์: ตลาดคาดว่าจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการจะเพิ่มขึ้น 3,000 ราย สู่ระดับ 224,000 ราย

ข้อมูลเหล่านี้จะเป็นตัวชี้วัดสำคัญที่อาจส่งผลต่อทิศทางราคาทองคำในระยะสั้น

แนวโน้มราคาทองคำ

แม้ว่าราคาทองคำจะฟื้นตัวขึ้นในช่วงก่อนหน้า แต่ยังไม่สามารถทะลุแนวต้านสำคัญที่ 2,610-2,620 ดอลลาร์ได้ ทำให้เกิดแรงขายและกดดันให้ราคาปรับตัวลดลงต่อ นักวิเคราะห์คาดว่าราคาทองมีแนวโน้มจะปรับลงต่อเนื่อง โดยมีแนวรับที่น่าจับตามองอยู่ที่ระดับ 2,540-2,550 ดอลลาร์

คำแนะนำสำหรับนักลงทุน

ควรติดตามปัจจัยเศรษฐกิจสำคัญในคืนนี้ และเฝ้าดูการเคลื่อนไหวของดัชนีเงินดอลลาร์และนโยบายดอกเบี้ยของเฟด ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดทิศทางราคาทองคำในระยะต่อไป