แนวโน้มราคาทอง ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง สาเหตุหลักมาจากการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 ปี ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ส่งสัญญาณว่าไม่มีความเร่งรีบในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ล่าสุดยังสนับสนุนความแข็งแกร่งของดอลลาร์ โดยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ลดลงเหลือ 217,000 ราย ต่ำสุดในรอบ 6 เดือน และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนตุลาคมเพิ่มขึ้น 0.2% ตามที่ตลาดคาดการณ์ ขณะเดียวกัน กองทุน SPDR ซึ่งเป็นกองทุนทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้ขายทองคำออกไปอีก 1.15 ตัน ส่งผลให้ราคาทองคำได้รับแรงกดดันเพิ่มเติม
สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตามในคืนนี้ สหรัฐฯ มีกำหนดเปิดเผยข้อมูลสำคัญ ได้แก่ ยอดค้าปลีกเดือนตุลาคม ดัชนีการผลิตรัฐนิวยอร์กเดือนพฤศจิกายน และการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนตุลาคม ข้อมูลเหล่านี้จะเป็นตัวชี้วัดสำคัญที่อาจส่งผลต่อทิศทางราคาทองคำในระยะสั้น
จากการวิเคราะห์ทางเทคนิค ราคาทองคำได้ปรับตัวลงมาทดสอบแนวรับที่เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 100 วัน (SMA100) ซึ่งบริเวณดังกล่าวมีแรงซื้อกลับเข้ามา ส่งสัญญาณการฟื้นตัว คาดว่าราคาทองคำอาจปรับตัวขึ้นเล็กน้อย โดยมีแนวต้านที่ระดับ 2,580-2,588 ดอลลาร์ นักลงทุนควรติดตามปัจจัยเศรษฐกิจและการเคลื่อนไหวของดัชนีดอลลาร์อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินทิศทางราคาทองคำในระยะต่อไป