บทวิเคราะห์ราคาทองคำ: เฟดคงดอกเบี้ย กดดันราคาทองคำ แต่ยังมีโอกาสฟื้นตัว
ภาพรวมความเคลื่อนไหวที่ผ่านมา
ราคาทองคำปรับตัวลงหลัง เฟดประกาศคงอัตราดอกเบี้ย ไว้ที่ 4.25% – 4.50% ตามที่ตลาดคาดการณ์ ซึ่งมีปัจจัยสำคัญที่กดดันตลาด ได้แก่
- ท่าทีของเฟด:
- ไม่รีบร้อนปรับลดดอกเบี้ย เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่ง
- ประธานเฟด เจอโรม พาวเวล ย้ำว่าไม่ได้ติดต่อกับ ทรัมป์ หลังจากที่ทรัมป์เรียกร้องให้ลดดอกเบี้ย
- แรงซื้อจากกองทุน SPDR:
- แม้ราคาทองคำปรับตัวลง แต่ SPDR กลับเข้าซื้อทองคำเพิ่มอีก 4.3 ตัน แสดงถึงความต้องการถือครองทองคำ
ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม
คืนนี้ สหรัฐฯ จะเปิดเผย
- จีดีพีไตรมาส 4 (ประมาณการครั้งที่ 1):
- ตัวชี้วัดการเติบโตทางเศรษฐกิจ หากออกมาสูงกว่าคาด อาจกดดันราคาทองคำต่อ
- จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์:
- ตลาดจับตาว่าตัวเลขแรงงานจะสะท้อนความแข็งแกร่งของตลาดหรือไม่
- ยอดทำสัญญาขายบ้านรอปิดการขายเดือน ธ.ค.:
- หากภาคอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัว อาจกระตุ้นความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำ
- การแถลงของธนาคารกลางยุโรป (ECB):
- อาจมีสัญญาณเกี่ยวกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในยุโรป ซึ่งส่งผลต่อค่าเงินดอลลาร์และราคาทองคำ
วิเคราะห์ราคาทองคำ
- แนวโน้มทางเทคนิค:
- ราคาทองคำอาจมีโอกาสฟื้นตัวขึ้น แต่คาดว่าการปรับตัวขึ้น จะอยู่ในกรอบจำกัด
- หากราคาทองคำไม่สามารถผ่านแนวต้าน 2,772-2,775 ดอลลาร์ อาจมีแรงขายออกมา
- ความเสี่ยง:
- หากจีดีพีสหรัฐฯ ออกมาสูงกว่าคาด อาจทำให้เงินดอลลาร์แข็งค่า และกดดันราคาทองคำ
แนวรับ-แนวต้านราคาทองคำ
- แนวรับ: 2,740 ดอลลาร์ และ 2,725 ดอลลาร์
- แนวต้าน: 2,772 ดอลลาร์ และ 2,775 ดอลลาร์
กลยุทธ์การลงทุน
- ระยะสั้น:
- หากราคาทองคำไม่สามารถผ่านแนวต้าน 2,772-2,775 ดอลลาร์ ให้ระวังแรงขาย
- สามารถเข้าซื้อเมื่อราคาปรับฐานลงใกล้แนวรับ 2,740 ดอลลาร์
- ตั้งจุดตัดขาดทุนที่ 2,725 ดอลลาร์
- ระยะยาว:
- หากราคาทองคำสามารถทะลุแนวต้าน 2,775 ดอลลาร์ อาจมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อไปสู่ 2,800 ดอลลาร์
สรุป
ราคาทองคำอาจฟื้นตัวขึ้นได้ในระยะสั้น แต่ยังต้องระวังแรงเทขาย หากไม่สามารถทะลุแนวต้าน 2,775 ดอลลาร์ นักลงทุนควรจับตาดูตัวเลขเศรษฐกิจคืนนี้และถ้อยแถลงจาก ECB เพื่อประเมินแนวโน้มของราคาทองคำต่อไป