ทองคำพุ่งแรงใกล้ $3,100 รับแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย สงครามการค้าสหรัฐ–จีนเดือด
ราคาทองคำ Spot พุ่งทะลุระดับ $3,000 อย่างแข็งแกร่ง และขึ้นไปแตะระดับสูงสุดที่ ใกล้ $3,100 หลังนักลงทุนแห่เข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความตึงเครียดที่รุนแรงขึ้นของ สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ซึ่งเป็นสองมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลก โดย ทรัมป์ได้ประกาศบังคับใช้มาตรการภาษีใหม่ทันที โดยเพิ่มอัตราภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเป็น 125% จากเดิม 104% ขณะที่ จีนตอบโต้กลับด้วยการเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐเป็น 84% มีผลวันที่ 10 เม.ย.
ขณะเดียวกัน สหรัฐฯ มีการประกาศ “ยกเว้นการบังคับใช้มาตรการภาษีตอบโต้เป็นเวลา 90 วัน” ให้กับประเทศคู่ค้าอื่น ๆ ยกเว้นจีน ซึ่งสะท้อนว่า เป้าหมายของการตอบโต้ครั้งนี้ชัดเจนว่าเล็งเฉพาะจีน ทำให้ตลาดตีความว่าความขัดแย้งครั้งนี้มีแนวโน้มยืดเยื้อและรุนแรงกว่าที่ประเมินไว้
ด้านกองทุน SPDR Gold Trust ได้เพิ่มการถือครองทองคำอีก 11.17 ตัน สะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนในทิศทางราคาทองคำระยะสั้น
ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องจับตาคืนนี้
- ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (CPI) เดือน มี.ค.
- ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI)
- จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
ตัวเลขเหล่านี้จะช่วยสะท้อนภาพเงินเฟ้อและภาวะตลาดแรงงานของสหรัฐฯ ซึ่งอาจส่งผลต่อการคาดการณ์แนวโน้มการปรับลดดอกเบี้ยของเฟด และกระทบต่อทิศทางของราคาทองคำโดยตรง
วิเคราะห์ราคาทองคำ
ราคาทองคำได้ปรับตัวขึ้นมาอย่างร้อนแรง และขึ้นทดสอบแนวต้านที่ 3,100 ดอลลาร์ ถึง 3 ครั้ง แต่ยังไม่สามารถผ่านได้ ซึ่งพฤติกรรมลักษณะนี้ตรงกับรูปแบบทางเทคนิคที่เรียกว่า Triple Top — รูปแบบที่มักตามมาด้วยการ “กลับตัวลง” ในระยะสั้น
แนวต้านสำคัญ: 3,100 ดอลลาร์
แนวรับสำคัญ: 3,060 และ 3,030 ดอลลาร์
หากราคาหลุดแนวรับ 3,030 ดอลลาร์ลงมา อาจเห็นการพักฐานแรงระยะสั้น โดยต้องจับตาว่าจะยืนเหนือ 3,000 ดอลลาร์ได้หรือไม่
สรุปกลยุทธ์การลงทุน
- ระยะสั้น: หากราคาทะลุ 3,100 ดอลลาร์ไม่ได้ ให้ระวังการกลับตัวลงตามสัญญาณ Triple Top
- กลยุทธ์: แนะนำทยอยขายทำกำไรหากยังไม่ผ่านแนวต้าน และรอจังหวะเข้าซื้ออีกครั้งใกล้แนวรับ $3,030–3,050
- ระยะกลาง-ยาว: ความไม่แน่นอนด้านภูมิรัฐศาสตร์ยังคงสูง และสงครามการค้าอาจส่งผลให้ราคาทองคำมีแนวโน้มขาขึ้นต่อในไตรมาส 2
จับตาคืนนี้: รายงาน CPI จะเป็นตัวแปรสำคัญ หากเงินเฟ้อสูงกว่าคาด อาจหนุนราคาทองคำต่อเนื่อง เพราะตลาดจะคาดว่าเฟดจะยังไม่เร่งขึ้นดอกเบี้ย ขณะที่สถานการณ์จีน-สหรัฐยังเป็นปัจจัยหลักที่ชี้ทิศทางใหญ่ของตลาดทองคำในระยะนี้