วิเคราะห์แนวโน้มราคาทองคำ: ปัจจัยความปลอดภัยและสงครามที่รุนแรงขึ้น
ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 สะท้อนถึงแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย เนื่องจากนักลงทุนยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครนที่อาจทวีความรุนแรงขึ้น ล่าสุดยูเครนได้ใช้ขีปนาวุธร่อนพิสัยไกล “Storm Shadow” ที่ผลิตโดยอังกฤษ ยิงเข้าไปในดินแดนรัสเซีย นอกจากนี้ การที่สหรัฐฯ ใช้สิทธิวีโต้ในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) เพื่อขัดขวางร่างมติหยุดยิงถาวรในฉนวนกาซา ก็ยิ่งเพิ่มความไม่แน่นอนในสถานการณ์โลก กองทุน SPDR ซื้อทองเพิ่มอีก 3.16 ตัน แสดงให้เห็นถึงความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยที่ยังคงแข็งแกร่งในตลาด
ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม
คืนนี้ สหรัฐฯ มีกำหนดเผยแพร่ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญที่อาจส่งผลต่อทิศทางราคาทองคำ ได้แก่:
- ดัชนีกิจกรรมการผลิตของเฟดสาขาฟิลาเดลเฟีย (พ.ย.)
- จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
- ยอดขายบ้านมือสอง (ต.ค.)
- ดัชนีชี้นำภาวะเศรษฐกิจ (ต.ค.) โดย Conference Board
ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยสะท้อนภาพรวมของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งอาจมีผลต่อความเคลื่อนไหวของราคาทองคำในระยะสั้น
วิเคราะห์ทางเทคนิค
ราคาทองคำปรับตัวขึ้นใกล้ทดสอบเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วัน (SMA50) ที่ระดับ 2,660-2,670 ดอลลาร์ ขณะที่สัญญาณทางเทคนิคจาก MACD เกิด Bullish MACD ซึ่งบ่งชี้ถึงแนวโน้มขาขึ้นในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม การปรับตัวขึ้นของราคาทองคำเริ่มชะลอตัว และยังคงมีความเสี่ยงต่อแรงเทขายหากไม่สามารถทะลุผ่านเส้น SMA50 ได้สำเร็จ นักลงทุนควรติดตามความเคลื่อนไหวในระดับนี้อย่างใกล้ชิดเพื่อประเมินทิศทางในระยะถัดไป
คำแนะนำสำหรับนักลงทุน: ระมัดระวังแรงขายในกรณีที่ราคาทองคำไม่สามารถผ่านแนวต้านที่ระดับ 2,670 ดอลลาร์ได้ และจับตาดูปัจจัยเศรษฐกิจโลกและข้อมูลตัวเลขสหรัฐฯ ที่จะประกาศในคืนนี้