เมื่อคืนที่ผ่านมา ราคาทองคำปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ สาเหตุหลักมาจากนักลงทุนเทขายทองคำหลังมีรายงานว่าอิสราเอลบรรลุข้อตกลงหยุดยิงกับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ซึ่งช่วยลดความตึงเครียดในภูมิภาคและลดความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำ นอกจากนี้ การที่โดนัลด์ ทรัมป์ เสนอชื่อสก็อตต์ เบสเซนต์ ผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์และผู้สนับสนุนคริปโตเคอเรนซี เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนใหม่ของสหรัฐฯ ทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าตลาดหุ้นอาจได้รับการสนับสนุนจากนโยบายที่เอื้อต่อการเติบโต ส่งผลให้นักลงทุนย้ายเงินลงทุนจากทองคำไปยังสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงขึ้น
สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตามในคืนนี้ สหรัฐฯ มีกำหนดเผยแพร่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจำเดือนพฤศจิกายนโดย Conference Board และยอดขายบ้านใหม่ประจำเดือนตุลาคม นอกจากนี้ ยังมีการประกาศตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3 (ประมาณการครั้งที่ 2) และดัชนีราคาการใช้จ่ายด้านการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐานประจำเดือนตุลาคม ข้อมูลเหล่านี้จะเป็นตัวชี้วัดสำคัญที่อาจส่งผลต่อทิศทางราคาทองคำในระยะสั้น
จากการวิเคราะห์ทางเทคนิค ราคาทองคำที่ปรับตัวลงแรงในช่วงที่ผ่านมาอาจสะท้อนปัจจัยลบไปแล้ว แนะนำให้นักลงทุนใช้กลยุทธ์เชิงรับและเน้นการซื้อขายระยะสั้น โดยพิจารณาทยอยสะสมหากราคาทองคำโลกลงมาทดสอบแนวรับสำคัญที่ระดับ 2,600-2,605 ดอลลาร์ และทำกำไรหากราคาขึ้นไปทดสอบระดับ 2,630 ดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม ควรติดตามปัจจัยเศรษฐกิจและสถานการณ์ระหว่างประเทศอย่างใกล้ชิด เนื่องจากอาจส่งผลต่อทิศทางราคาทองคำในอนาคต