แนวโน้มราคาทอง ฟื้นตัวขึ้นในช่วงนี้ เนื่องจากสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยังคงรุนแรง และความไม่แน่นอนทางการค้าจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดาในอัตรา 25% และเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนอีก 10% หากเขาเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีในเดือนมกราคม 2568 นอกจากนี้ รายงานการประชุมเฟดยังสะท้อนความเห็นที่แตกต่างของกรรมการเฟดเกี่ยวกับการปรับลดดอกเบี้ย สถานการณ์นี้ส่งผลให้นักลงทุนยังให้ความสำคัญกับทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ขณะที่กองทุน SPDR ยังคงถือครองทองคำในปริมาณเดิม
ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตามในคืนนี้
- จีดีพีไตรมาส 3 (ประมาณการครั้งที่ 2)
- จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
- ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนตุลาคม
- ดัชนีราคาการใช้จ่ายด้านการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐานเดือนตุลาคม
- ยอดทำสัญญาขายบ้านรอปิดการขายเดือนตุลาคม
ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยสะท้อนภาพรวมของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และอาจมีผลต่อทิศทางราคาทองคำในระยะสั้น
วิเคราะห์แนวโน้มราคาทองคำ
สัญญาณทางเทคนิค
การเกิดเส้น SMA20 ตัดลงมาใต้เส้น SMA50 บ่งชี้ถึงแนวโน้มการปรับตัวลงในระยะสั้น โดยราคาทองคำอาจเผชิญแรงเทขายบริเวณแนวต้านที่ 2,640-2,650 ดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม การปรับตัวลงคาดว่าจะมีกรอบจำกัด โดยแนวรับสำคัญอยู่ที่ระดับ 2,570 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นเส้น SMA100 หากราคายืนเหนือแนวรับนี้ได้ ราคาทองคำอาจฟื้นตัวขึ้นอีกครั้ง
แนะนำกลยุทธ์การลงทุน
- แนวรับสำคัญ: 2,600 และ 2,570 ดอลลาร์
- แนวต้านสำคัญ: 2,640 และ 2,650 ดอลลาร์
คำแนะนำ
- หากราคาทองคำไม่สามารถทะลุแนวต้าน 2,640-2,650 ดอลลาร์ได้ แนะนำเปิดสถานะขาย
- หากราคาปรับตัวลงมาที่แนวรับ 2,570 ดอลลาร์ สามารถเริ่มสะสมซื้อใหม่ โดยตั้งจุดตัดขาดทุนที่ 2,560 ดอลลาร์
ราคาทองคำแท่ง 96.5%
ควรพิจารณาความเคลื่อนไหวของราคาทองคำตลาดโลกควบคู่กับปัจจัยเศรษฐกิจ เพื่อวางแผนการลงทุนที่เหมาะสม