บทวิเคราะห์ราคาทองคำ แรงเทขายจากตลาดหุ้นและความกังวลด้านเทคโนโลยี
ภาพรวม แนวโน้มราคาทอง
ราคาทองคำเผชิญแรงเทขายหลังจาก
- กระแสเทขายในตลาดหุ้นทั่วโลก
- การเปิดตัวโมเดลปัญญาประดิษฐ์ (AI) ต้นทุนต่ำของ DeepSeek สตาร์ตอัปจากจีน
- ความกังวลว่าอาจส่งผลกระทบต่อบริษัทเทคโนโลยีของสหรัฐฯ
- แรงกดดันจากการประชุมเฟดที่ใกล้เข้ามา (28-29 ม.ค.)
- นักลงทุนจับตาการตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยและแนวทางเศรษฐกิจของธนาคารกลางสหรัฐฯ
- แรงขายจากกองทุน SPDR
- กองทุน SPDR ขายทองคำ 3.15 ตัน สะท้อนแรงทำกำไรในตลาด
ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม
คืนนี้ สหรัฐฯ จะเปิดเผยข้อมูลสำคัญ ได้แก่
- ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนธันวาคม
- ตลาดคาดการณ์ เพิ่มขึ้น 0.3% จากที่ลดลง 1.2%
- ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมกราคม (Conference Board)
- ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 105.7 จาก 104.7 ในเดือนธันวาคม
ตัวเลขเหล่านี้อาจมีผลต่อแนวโน้มของเงินดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ ซึ่งจะส่งผลต่อราคาทองคำ
วิเคราะห์ราคาทองคำ
- แนวโน้มทางเทคนิค (Timeframe 240 นาที):
- ราคาทองคำปรับตัวลงแรงและปิดตลาด ใกล้จุดต่ำสุดของวัน (Low of the Day)
- สัญญาณทางเทคนิคบ่งชี้ว่า แนวโน้มขาลงระยะสั้นยังคงอยู่
- หากราคาทองคำหลุดแนวรับสำคัญ มีโอกาสปรับตัวลงต่อ
- ระดับแนวรับที่ต้องจับตา:
- 2,730 ดอลลาร์: แนวรับแรก หากหลุดมีโอกาสลงต่อ
- 2,700 ดอลลาร์: แนวรับถัดไป หากตลาดยังเผชิญแรงขาย
แนวรับ-แนวต้านราคาทองคำ
- แนวรับ: 2,730 ดอลลาร์ และ 2,700 ดอลลาร์
- แนวต้าน: 2,750 ดอลลาร์ และ 2,770 ดอลลาร์
กลยุทธ์การลงทุน
- ระยะสั้น:
- หากราคาทองคำปรับตัวลงและ หลุด 2,730 ดอลลาร์ อาจมีแรงขายเพิ่มขึ้น ควรระมัดระวังการเข้าซื้อ
- รอซื้อที่แนวรับ 2,700 ดอลลาร์ พร้อมตั้งจุดตัดขาดทุนที่ 2,690 ดอลลาร์
- หากราคาดีดตัวขึ้นจากแนวรับ เป้าหมายทำกำไรที่แนวต้าน 2,750 ดอลลาร์
- ระยะยาว:
- นักลงทุนควรติดตามการประชุมเฟด หากมีแนวโน้มลดดอกเบี้ย อาจเป็นปัจจัยบวกต่อทองคำ
- หากราคาทองคำสามารถทะลุแนวต้าน 2,770 ดอลลาร์ ได้อย่างมั่นคง อาจเป็นสัญญาณกลับตัวของแนวโน้ม
สรุป
- ราคาทองคำเผชิญแรงเทขายจากความกังวลในตลาดหุ้นและข่าวเกี่ยวกับ AI จากจีน
- ระยะสั้นราคาทองคำยังคงอยู่ในแนวโน้มขาลง หากหลุด 2,730 ดอลลาร์ อาจลงต่อถึง 2,700 ดอลลาร์
- นักลงทุนควรจับตาการประชุมเฟดและข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด ก่อนตัดสินใจลงทุนในช่วงนี้.